หอมหัวใหญ่
หอมใหญ่ ภาษาอังกฤษ
Onion หอมหัวใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Allium cepa Linn. จัดอยู่ในวงศ์ Amaryllidaceae[1] เช่นเดียวกันกับหอมแดง กระเทียม กุยช่ายพลับพลึงขาว พลับพลึงแดง พลับพลึงตีนเป็ด และว่านสี่ทิศ (บางตำราระบุว่าอยู่ในวงศ์
Liliaceae)[3]
หอมใหญ่ ยังมีชื่อเรียกที่เรียกตามความคุ้นเคยอื่นๆ
อีกเช่น หัวหอม หอมหัวใหญ่หัวหอมใหญ่ หอมฝรั่ง หอมหัว เป็นต้น
โดยหอมใหญ่นั้นมีถิ่นกำเนิดและมีเขตการกระจายพันธุ์ในทวีปเอเชียกลาง[3] บ้างก็บอกว่ามีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้[8] และสำหรับแหล่งผลิตที่สำคัญได้แก่ประเทศจีน
สหรัฐอเมริกา และประเทศอินเดีย[3]
ลักษณะหอมหัวใหญ่
ต้นหอมใหญ่ จัดเป็นพืชล้มลุก มีความสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร มีหัวอยู่ใต้ดินคล้ายหัวหอม ลักษณะกลมป้อม มีเปลือกนอกบางๆ สีม่วงแดงหุ้มอยู่ แต่เมื่อแห้งแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล[2],[4] ลำต้นใต้ดินหรือที่เรียกว่าหัวนั้น ภายในจะมีกลีบสีขาวอวบหุ้มซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ ทำให้มีลักษณะเป็นหัวเช่นเดียวกับกระเทียมและหอมแดง[3] สามารถปลูกได้ในดินทุกชนิดที่มีการระบายน้ำและมีอากาศดี เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีค่าความกรดเบสในช่วง 6.0-6.8 มีความเค็มของดินปานกลาง และในอุณหภูมิที่เหมาะสม คือ 15-24 องศาเซลเซียส[1]
ใบหอมใหญ่ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเป็นกระจุก 3-4 ใบ ลักษณะเป็นรูปดาบ มีความกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2040 เซนติเมตร เส้นใบจีบตามยาวลักษณะคล้ายพัด[2]
ดอกหอมใหญ่ ออกดอกเป็นช่อ แทงขึ้นมาจากลำต้นใต้ดิน กลีบดอกมีสีขาว[2]
หัวหอม ไม่ใช่เป็นแค่ผักธรรมดาทั่วไปที่นำมาใช้ในการประกอบอาหารหรือเพื่อเพิ่มรสชาติให้อาหาร
และก็ไม่ได้ใหญ่แต่ชื่อและขนาด
เนื่องจากมีสรรพคุณที่ใหญ่มากเพราะช่วยป้องกันและรักษาโรคสำคัญต่างๆ ได้หลายชนิด
โดยพบว่าหัวหอมใหญ่นั้นอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากกว่า300
ชนิด[6]
คุณค่าทางโภชนาการของหอมหัวใหญ่ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 40 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 9.34 กรัม
เส้นใย 1.7 กรัม
ไขมัน 0.1 กรัม
โปรตีน 1.1 กรัม
น้ำ 89.11 กรัม
ธาตุฟลูออไรด์ 1.1 ไมโครกรัม
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่
(ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
สรรพคุณหอมหัวใหญ่
หัวหอมใหญ่มีวิตามินซีสูง และยังมีสารอื่นๆ เช่น สารเคอร์ซีทิน ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี[2],[4],[5]
ช่วยป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่างๆ ได้ เนื่องจากหอมใหญ่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก[5]
หัวหอมมีคุณสมบัติช่วยทำให้เกิดความรู้ผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกง่วง ช่วยในการนอนหลับได้สบาย[5]
การรับประทานหัวหอมสดเป็นประจะจะช่วยทำให้มีความจำที่ดีขึ้น หรือจะทานร่วมกับอาหารชนิดอื่นๆ ก็ได้[6]
สรรพคุณของหอมหัวใหญ่ ช่วยทำให้เจริญอาหาร[4],[5]
ช่วยทำให้พลังลงสู่ด้านล่าง ช่วยให้พลังการไหลเวียนในอวัยวะภายในร่างกายคล่องตัว[8]
สรรพคุณของหอมใหญ่ ช่วยแก้ธาตุในร่างกายไม่เป็นปกติ[4],[5]
ช่วยกำจัดสารตะกั่วและโลหะหนักที่ปนเปื้อนมากับอาหารและสะสมในร่างกาย[5],[8]
ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ[4],[5]
ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของอัมพาตได้เป็นอย่าง[5]
หัวหอมมีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โดยช่วยลดปริมาณของไขมันในเส้นเลือดและช่วยในการขยายหลอดเลือด ช่วยทำให้เลือดไม่แข็งตัวไปแล้วไปอุดตันในหลอดหลอดได้ง่าย[5]
สารไซโคลอัลลิอินในหัวหอมใหญ่ ช่วยในการสลายลิ่มเลือด ป้องกันไม่ให้ลิ่มเลือดอุดตันหรือยับยั้งการรวบตัวกันของเกล็ดเลือด ปกป้องหลอดเลือดเลี้ยงสมองเกิดการอุดตันและช่วยกระจายเลือดลม[4],[5],[6] การรับประทานเป็นประจำในระยะยาวจะช่วยทำให้หลอดเลือดสะอาด และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด[8]
หอมหัวใหญ่ลดความอ้วน โดยน้ำคั้นจากหัวหอมมีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดไขมันในเส้นเลือด[2],[4],[5]
ช่วยลดการเป็นพิษต่อเซลล์ไขมันในเลือดชนิดเลว ช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) และช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยหัวหอมสดแค่เพียงครึ่งหัวก็สามารถช่วยเพิ่มระดับไขมันดีได้ถึงร้อยละ 30 ในผู้ป่วยโรคหัวใจหรือผู้มีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอล (ข้อมูลจาก : ดร.วิคเตอร์ เกอร์วิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ในอเมริกา)[5],[6]
ช่วยลดความดันโลหิต แก้ความดันโลหิตสูง[2],[4]
สารอัลลิลโพรพิลไดซัลไฟด์ (Allyl propy disuldhide หรือ APDS) ในหอมใหญ่ มีคุณสมบัติช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน[2],[4],[5],[6]
หัวหอมใหญ่มีสารฟลาโวนอยด์ ไกลโคไซด์ (Flavonoid glycosides) ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันไขมันไม่ให้มาเกาะตามผนังหลอดเลือด ถ้าหากเกาะมากๆ จะเกิดภาวะเส้นโลหิตอุดตัน หรือทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้[6]
แคลเซียมในหอมใหญ่จะช่วยในการสังเคราะห์เอนไซม์ที่เป็นตัวช่วยต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมและช่วยเม็ดเลือดขาวในการทำลายและย่อยสลายไวรัส[6]
หอมหัวใหญ่สามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ดีกว่ายารักษาโรคกระดูกพรุนอย่างแคลซิโทนิน (Calcitonin) แต่นักวิจัยระบุว่าอาจจะต้องกินหอมใหญ่วันละ 200-300 กรัมจึงจะได้ผล (ผลการวิจัยจากวารสารวิชาการ “Nature”)[6] จึงเหมาะอย่างมากสำหรับใช้กับตรีในช่วงวัยหมดประจำเดือน[8]
ช่วยรักษาไข้หวัด แก้หวัดคัดจมูก และช่วยลดน้ำมูก ด้วยการนำหัวหอมขนาดพอดีที่ปอกเปลือกแล้วมาทุบให้แหลก แล้วใส่ลงไปในแก้วที่ใส่น้ำร้อนรอไว้ จากนั้นให้ใช้ผ้าขาวบางมาปิดหุ้มปากแก้วไว้ แล้ววางไว้ใกล้ๆ ตัวในตำแหน่งที่ไอของความร้อนจะรอยเข้าสู่จมูกได้ ซึ่งในช่วงที่น้ำกำลังร้อนจะมีไอน้ำที่ผสมกับกลิ่นหัวหอมลอยขึ้นมา ก็ให้พยายามสูดไอนั้นเข้าไป จะช่วยแก้อาการังกล่าวได้[4],[5]
สรรพคุณหอมใหญ่ ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ หอมหืด[4],[5]
สารอัลลิลิกไดซัลไฟด์ ในหอมใหญ่มีสรรพคุณช่วยขับเสมหะได้[6]
ธาตุแมกนีเซียมในหอมใหญ่มีคุณสมบัติช่วยทำลายเซลล์มะเร็งและช่วยกำจัดไวรัส[6]
ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้[4],[5]
ช่วยป้องกันมะเร็งตับ[4],[5]
หอมหัวใหญ่ สรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ[4],[5]
สรรพคุณทางยาของหอมหัวใหญ่ ช่วยแก้ท้องร่วง[4],[5]
หอมใหญ่ สรรพคุณช่วยขับพยาธิ[4],[5]
ช่วยในการขับปัสสาวะ (สารอัลลิลิกไดซัลไฟด์)[4],[5],[6]
หัวหอมใหญ่ สรรพคุณช่วยแก้ลมพิษ[4]
หอมใหญ่ สรรพคุณทางยาลดอาการปวดอักเสบ[4]
หอมหัวใหญ่ มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อโรค[4],[5]
น้ำมันหอมหัวใหญ่มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางประเภทได้[5]
น้ำคั้นจากหัวหอม ช่วยรักษาผิวหนังที่ถูกน้ำร้อนลวกได้[6]
หัวหอม สรรพคุณช่วยแก้บวม แก้ปวด[4] อาการบวมจากพิษ โดยใช้เป็นยาทาภายนอก[8]
หัวหอมใช้ นำมาตำใช้พอกแก้แผลช้ำบวม แก้ฝีได้[7]
หัวหอมนำมาตำให้แหลกใช้ผสมกับเหล้าโรง แล้วนำมาพอกหรือทาบริเวณที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย จะช่วยลดอาการเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี[5]
น้ำคั้นจากหัวหอมสามารถนำมาใช้ทาภายนอกเพื่อช่วยอาการปวดตามข้อได้[6]
ประโยชน์ของหอมหัวใหญ่
ประโยชน์หอมหัวใหญ่ หัวใช้รับประทานเป็นผัก หรือนำมาใช้ปรุงอาหาร หรือใช้เป็นเครื่องเทศเพื่อช่วยดับกลิ่นคาวในอาหารได้เป็นอย่างดี[3]
ช่วยทำให้กระดูกอ่อนนุ่ม เมื่อนำมาใช้ต้มกับกระดูกสัตว์[8]
น้ำมันหอมระเหยจากหัวหอม สามารถนำมาใช้ทาสิวอักเสบเพื่อช่วยลดการอักเสบได้[5]
ประโยชน์หัวหอมใหญ่ช่วยรักษาฝ้า ตามตำราฝรั่งใช้หอมหัวใหญ่นำมาดองกับไวน์แล้วแช่ทิ้งไว้สักเดือน แล้วใช้น้ำที่แช่มาทาเพื่อรักษาฝ้า เห็นว่าได้ผล[5]
ประโยชน์ของหัวหอม กับการนำมาสกัดทำเป็นเครื่องสำอางบางชนิด เช่น ยาสระผม ยาบำรุงเส้นผม เนื่องจากมีสารเพคติน กลูโดคินิน และไกลโคไซด์ ที่จะช่วยขจัดรังแคที่เกิดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราต่างๆ ได้[5]
เมนูหอมใหญ่ เช่น ผัดหัวหอมใหญ่ ไข่เจียวหอมใหญ่ หัวหอมใหญ่ทอด เนื้อผัดหอมหัวใหญ่ หมูผัดพริกสดใส่หอมใหญ่ ข้าวไก่อบหอมใหญ่ ซุปหอมหัวใหญ่ ยำเห็ดหอมใหญ่ เป็นต้น
คำแนะนำและข้อควรรู้
หอมหัวใหญ่มีฤทธิ์อุ่น ให้รสเผ็ดร้อน ไม่มีพิษ เข้าเส้นลมปราณ ปอดและกระเพาะอาหาร โดยหอมใหญ่ดิบจะมีฤทธิ์สุขุม ส่วนหอมใหญ่สุกจะมีฤทธิ์อุ่น[8]
แม้หัวหอมใหญ่จะเป็นผักที่มีกลิ่นฉุนมาก
จนทำให้คนส่วนใหญ่ไม่อยากรับประทาน หรือหันไปรับประทานแบบชุบแป้งทอด การเจียว
หรือการใช้ในการปรุงแต่งอาหารอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามถ้าอยากจะรับประทานแบบให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพจริงๆ
แนะนำว่าให้รับประทานแบบสดๆ จะดีที่สุด[5] ตอนเด็กๆ
ผู้เขียนก็ไม่ชอบเช่นกันครับ แต่ปัจจุบันถ้ามีโอกาสก็กินหมดเลยครับ
การรับประทานหัวหอมใหญ่แบบสด
(หรือรับประทานร่วมกับอาหารอื่นๆ) เพียงวันละครึ่งหัวถึงหนึ่งหัว เป็นเวลา 2 เดือนก็จะเห็นผลต่อสุขภาพโดยภาพรวมได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง[6]
วิธีการเลือกซื้อหัวหอมใหญ่ ให้มีคุณภาพดีต้องสังเกตดังนี้
มีผิวแห้งและเรียบ หัวมีน้ำหนักมากเนื้อแน่น ไม่มีส่วนที่นิ่มหรือมีรอยช้ำ
ซึ่งจะช่วยทำให้เก็บหอมใหญ่ไว้ได้นานขึ้นนั่นเอง[5]
วิธีซอยหอมไม่ให้แสบตา มีหลายวิธี เช่น
เมื่อปอกเปลือกเสร็จแล้วให้ใช้มีดจิ้มให้รอบหัว แล้วนำลงแช่ในน้ำเปล่าไว้สักครู่
หลังจากนั้นค่อยนำไปหั่น หรืออีกวิธีก็ให้นำหัวหอมใหญ่ไปแช่เย็นประมาณ 15 นาที
ก่อนที่จะนำมาหั่น ทั้งสองวิธีดังกล่าวนี้
สามารถช่วยลดอณูซึ่งประกอบไปด้วยซัลเฟอร์หรือกำมะถันไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจาย
ทำให้ปฏิกิริยาต่างๆ ช้าลงได้
จึงช่วยป้องกันและลดการระคายเคืองและอาการแสบร้อนในตาได้[3],[5]
วิธีการเก็บรักษาหอมหัวใหญ่ วิธีการยืดอายุและการเก็บหอมหัวใหญ่
ก็มีหลายวิธี เช่น การนำหอมใหญ่มาใส่ในถุงกระดาษสีน้ำตาลแล้วพับปิดปากถุง
หรืออีกวิธีให้ใช้กระดาษนำมาห่อหัวหอมใหญ่เป็นลูกๆ และใส่ถึงพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง
หรืออีกวิธีก็คือให้ใช้กระดาษฟอยล์ในการห่อหัวหอมใหญ่ ก่อนการนำมาแช่ในตู้เย็น
ก็จะช่วยทำให้คงความสดความกรอบและทำให้ผิวหัวหอมไม่ช้ำอีกด้วย[5]
ข้อควรระวัง
สมุนไพรหอมใหญ่ แม้ว่าสรรพคุณหัวหอมใหญ่จะมีอยู่มากมาย
แต่เนื่องจากหอมใหญ่เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์อุ่นและมีรสเผ็ด การนำมาใช้ในแต่ละบุคคล
ควรคำนึงถึงสภาพร่างกายและโรคของผู้ป่วยด้วย ซึ่งฤทธิ์ดังกล่าวสามารถช่วยขับความเย็น
ทำให้หยางทะลุทะลวงไปยังส่วนต่างๆ
ช่วยกำจัดพิษและปัจจัยที่กระทบจากภายนอกเนื่องจากความเย็นได้ดี
แต่ไม่มีฤทธิ์ในการบำรุงหยางในร่างกาย เมื่อใช้ไปนานๆ
อาจจะทำให้ร่างกายเสียพลังได้ง่าย เช่น ในกรณีผู้ป่วยหอบหืดที่มีพลังอ่อนแออยู่แล้ว
แทนที่จะมีอาการหอบดีขึ้น แต่กลับจะทำให้อาการหอบหืดกำเริบมากขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น
ดังนั้นจึงควรรู้ถึงข้อดีและข้อเสียเพื่อนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมด้วย
จึงจะเกิดประโยชน์ต่อร่างกายอย่างสูงสุด[8]
การรับประทานหัวหอมใหญ่ในปริมาณมากหรือรับประทานติดต่อกันนานเกินไป
อาจจะทำลายจิตประสาท ทำให้จิตฟุ้งซ่าน ทำให้ลืมง่าย ความจำเสื่อม มีอาการตามัว
พลังและเลือดถูกทำลายทำให้เส้นเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ทำให้โรคต่างๆ
ที่เป็นอยู่หายช้าและเรื้อรัง และยังไปทำลายสมรรถภาพทางเพศ[8]
เมื่อคุณมีอาการปวดศีรษะเนื่องจากความเครียด
หรือจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ มีคำแนะนำว่าไม่ควรจะรับประทานหัวหอมใหญ่(ข้อมูลจาก :
คุณหมอบุชฮอล์ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์)[5]
อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรรับประทานหัวหอมใหญ่สดในขณะที่ท้องว่าง เพราะอาจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง
ทำให้เยื่อบุในกระเพาะเกิดการอักเสบได้[6]
สำหรับผู้ที่ถูกสัตว์มีพิษมีเคี้ยวกัด
ไม่ควรรับประทานหอมใหญ่ เพราะการรับประทานหัวหอมใหญ่จะทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น
ทำให้พิษแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว[8]
สิ่งที่คุณควรรู้อีกเรื่องนั้นก็คือ
หอมใหญ่ เป็นหนึ่งในอาหารที่มีกลิ่นแรง และทำให้เกิดกลิ่นปาก (กินแล้วอย่าลืมบ้วนปากแปรงฟันด้วยนะครับ)[5]
สำหรับผู้ที่มีกลิ่นตัวแรงอยู่แล้ว
การรับประทานหัวหอมใหญ่มากเกินไป อาจจะทำให้มีกลิ่นตัวแรงยิ่งขึ้น[6]
ว่ากันว่าในช่วงเดือนสี่
(ฤดูใบไม้ผลิ) ไม่ควรรับประทานหอมหัวใหญ่ เพราะจะทำให้อาการหอบหืดรุนแรงมากขึ้น[8]
แหล่งอ้างอิง
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. [9
ต.ค. 2013].
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ . ”พืชเครื่องเทศ”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [9 ต.ค. 2013].
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.sc.mahidol.ac.th. [9 ต.ค. 2013].
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม
กระทรวงวัฒนธรรม. “สมุนไพรพื้นบ้านหัวหอมใหญ่”. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: www.m-culture.in.th. [9 ต.ค. 2013].
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaihealth.or.th. [9 ต.ค.
2013].
ผู้จัดการออนไลน์. ”หอมใหญ่
ยาครอบจักรวาลประจำบ้าน”. อ้างอิงใน: หนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 117. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th. [9 ต.ค. 2013].
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
(ACFS). ”หอมใหญ่ดีป้องกันมะเร็งได้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.acfs.go.th.
[9 ต.ค. 2013].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน.
นิตยสารหมอชาวบ้าน คอลัมน์: แพทย์แผนจีน เล่มที่ 321. ”หอมหัวใหญ่”.
โดย: นพ.วิทวัส (ภาสกิจ) วัณนาวิบูล. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
www.doctor.or.th [
No comments:
Post a Comment